หัดเยอรมัน โรคร้ายสำหรับทารกที่คนเป็นแม่ต้องรู้

หัดเยอรมัน
หัดเยอรมัน โรคติดต่อที่มีอาการไข้และออกผื่น ติดต่อกันได้ง่ายโดยการไอจาม สัมผัสน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยโดยตรง ถือเป็นโรคที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพโดยเฉพาะในทารก ลักษณะคล้ายคลึงกับโรคหัดธรรมดา แต่มีความรุนแรงมากกว่า หัดเยอรมันเกิดจากอะไร อันตรายจากโรคนี้ได้แก่อะไรบ้าง หาคำตอบได้จากบทความต่อไปนี้ครับ

หัดเยอรมันเ เกิดจากอะไร ?

หัดเยอรมัน (Rubella/German Measies) เป็นโรคติดต่อเกิดจากเชื้อไวรัส Rubella  ซึ่งเป็นการติดเชื้อไวรัสคนละชนิดกับโรคหัดธรรมดา ซึ่งเป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายด้วยการไอ จาม สูดเอาเชื้อที่ลอยในอากาศเข้าไป พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่  หัดเยอรมันไม่ใช่โรคร้ายแรง มักจะหายได้เองโดยไม่มีโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง ยกเว้นในหญิงมีครรภ์ หากแม่เป็นหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ในระยะ 3-4 เดือนแรก ก็จะส่งผ่านโรคนี้เข้าสู่ทารกทางกระแสเลือด ทำให้เกิดความพิการทางหู ตา หัวใจ และสมอง แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้จากการฉีดวัคซีน

อาการของโรคหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันเมื่อได้รับเชื้อเข้าไปแล้วจะมีระยะฟักตัวประมาณเฉลี่ย 14 วัน ครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ เมื่อมีอาการเริ่มแรกคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไป เหมือนหัดธรรมดาหรือไข้หวัด ต่อจากนั้นอาการของโรคจะมีได้หลากหลาย คือ 
  • มีอาการเจ็บคอ มีน้ำมูก 
  • ตาแดงอ่อนเพลีย มีไข้ เยื่อบุตาอักเสบ 
  • ปวดข้อ ปวดตามตัว 
  • ต่อมน้ำเหลืองโต และมีผื่นขึ้นที่ใบหน้าและลำตัว 
  • ส่วนอาการมีไข้ มักพบในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก เนื่องจากเด็กได้รับวัคซีนแล้ว 
  • มีผื่นสีชมพูจางๆ แบบแบนราบกระจายอยู่ห่างๆ โดยมักจะเริ่มขึ้นที่หน้าแล้วลามไปทั่วตัวภายใน 24 ชั่วโมง 
สำหรับอาการของโรคหัดเยอรมันจะหายได้เองภายใน 3 วัน ยกเว้นกรณีต่อมน้ำเหลืองโตอาจมีอาการนานหลายสัปดาห์ได้

การวินิจฉัยอาหารของหัดเยอรมัน

การวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายภายนอก เพื่อดูว่ามีผื่นขึ้นหรือไม่ มีการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยมาก่อนหรือไม่ จากนั้นตรวจหาการติดเชื้อที่น้ำลายและตรวจเลือด การตรวจเลือดและน้ำลายนั้นเป็นการตรวจหาสารภูมิต้านทานจำเพาะต่อหัดเยอรมันคือสารภูมิต้านทานชนิดเอ็มและจี และจะทำการตรวจ 2 ครั้งโดยห่างจากครั้งแรก 2-3 สัปดาห์ โดยผลการวินิจฉัยสรุปได้ดังนี้
  1. ไม่พบสารภูมิคุ้มกันจี แสดงว่าอาจไม่เคยได้รับเชื้อหรือได้รับวัคซีนหัดเยอรมันมาแล้วแต่ป้องกันไม่ได้
  2. พบภูมิคุ้มกันจีแต่ไม่พบสารภูมิคุ้มกันชนิดเอ็ม แสดงว่าอาจเคยได้รับเชื้อไวรัสและวัคซีนมาแล้ว
  3. พบภูมิคุ้มกันชนิดเอ็ม หรืออาจจะพบหรือไม่พบชนิดจีก็ได้ แสดงว่า เกิดการติดเชื้อไวรัสขึ้นมาใหม่
  4. พบสารภูมิคุ้มกันชนิดเอ็มในทารกแสดงว่า ทารกนั้นติดเชื้อจากมารดาที่เป็นหัดเยอรมัน
  5. ไม่พบสารภูมิต้านทานใดใดเลย แสดงว่าไม่เคยติดเชื้อและยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน
เด็กเป็นไข้

แนวทางการรักษา โรคหัดเยอรมัน

โดยปกติคนที่เป็นหัดเยอรมัน อาการจะเริ่มดีขึ้นเองภายใน 10 วัน การรักษาแพทย์จะรักษาไปตามอาการเพื่อให้อาการทุเลาหรือลดน้อยลงด้วยการใช้ยา ดังนี้ 
  1. หากมีอาการไข้ ปวดตามข้อ แพทย์ก็จะให้ยาแก้ไข้หรือยาบรรเทาอาการปวด เช่นยาพาราเซตามอล โดยจะหลีกเลี่ยงการให้แอสไพริน และจะให้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน ซึ่งหากมีอาการไข้ขึ้นสูงก็ควรหมั่นเช็ดตัวเพื่อลดอาการไข้ด้วย
  2. กรณีเป็นหญิงตั้งครรภ์ แพทย์จะรักษาด้วยการให้สารภูมิต้านทาน เพื่อให้อาการดีขึ้น แต่ก็ต้องมีการพบแพทย์เป็นระยะดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตนและมาตามนัดของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อกับทารกในครรภ์

ภาวะแทรกซ้อน

  1. ในหญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 25-40 หากติดเชื้อหัดเยอรมันภายใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้หัดเยอรมันผ่านเข้ามาติดทารกที่อยู่ในครรภ์ โดยอาการที่เกิดจากการติดหัดเยอรมันเช่น เจริญเติบโตช้า ทารกมีน้ำหนักน้อย คลังคลอดแล้วเลี้ยงไม่โต มีอาการหูหนวก เป็นต้อกระจก หัวใจและสมองพิการแต่กำเนิดได้ เนื่องจากเชื้อหัดเยอรมันจะอยู่ในลำคอและขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะได้นานถึง 1 ปี สามารถแพร่เชื้อให้กับเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนี้ได้อีกด้วย
  2. โรคนี้มักไม่ค่อยพบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และขณะเป็นก็มักอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อเป็นแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ที่มักพบและเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ คือในผู้หญิง คือข้ออักเสบ เกล็ดเลือดต่ำและสมองอักเสบ ซึ่งจะมีอาการประมาณ 1 เดือน

การดูแลตนเองและแนวทางป้องกัน

  1. เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ เป็นการป้องกันการขาดน้ำ ลดอาการไอ 
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อ เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อเพิ่มจนอาจทำให้อาการแย่ลง
  3. ป้องกันการแพร่เชื้อของตนเองไปสู่ผู้อื่นด้วยการหยุดทำกิจกรรมที่ต้องติดต่อกับผู้อื่น เช่น หยุดเรียนหรือพักการทำงาน
หัดเยอรมันหากพบในบุคคลทั่วไปมักไม่ค่อยส่งผลหรือมีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง แต่ถ้าเกิดกับหญิงมีครรภ์ก็จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดในทารกสูง ดังนั้นเพื่อให้ทารกปลอดภัยจากโรคนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีการวางแผนฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์
aufarm-logo

เราจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสมุนไพรในราคาย่อมเยา และมีคุณภาพจากโรงงานที่ทันสมัย  ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้

Copyright © 2020 Aufarm / All rights reserved.

เมนูหลัก