วิธีป้องกันตนเอง จากโรคกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน
ปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปตามความทันสมัยของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมการบริโภค การทานอาหารซ้ำ ๆ หรือทานเมนูเดิม ๆ จากอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารตามร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพเพราะร่างขาดสารอาหารหรือได้รีบสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ต้องทานอาหารเสริมเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิต้านทานที่ดี นอกจากนั้นการทานอาหารมัน ๆ หวานจัด เผ็ดจัด หรือพฤติกรรมการรับประทานอาหารแล้วนอน ยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคกรดไหลย้อน อีกด้วย

โรคกรดไหลย้อน คืออะไร

กรดไหลย้อน คือภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหาร เมื่อเกิดอาการอักเสบของหลอดอาหาร ก็จะทำให้มีอาการแสบร้อนกลางกลางอก หรือมีอาการเรอเปรี้ยว และคลื่นไส้ โรคกรดไหลย้อนที่อาการยังไม่รุนแรงอาจเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตทำให้รู้สึกรำคาญเมื่อมีอาการเรอเปรี้ยวหรือปวดร้อนบริเวณกลางอกเป็นครั้งคราวเท่านั้น

อันตรายของโรคกรดไหลย้อน

ผู้ป่วยที่มีภาวะกรดไหลย้อน หากอาการไม่รุนแรงแต่ขาดการดูแลตนเอง ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและปล่อยละเลยจนกลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง อาจเป็นอันตรายที่ยากต่อการรักษาจากภาวะแทรกซ้อน เพราะภาวะอักเสบเรื้อรังของหลอดอาหารที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารส่วนปลาย มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหลอดอาหารได้มากที่สุด

สาเหตุของอาการกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน เป็นภาวะของโรคที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง วิถีการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ หรือโรคบางชนิดก็มีส่วนกระตุ้นการทำงานของหลอดอาหารให้เกิดความผิดปกติได้ ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ของอาการกรดไหลย้อน ได้แก่
  1. เกิดจากความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง หรือหูรูดของหลอดอาหารอาจเสื่อมสภาพ กรณีนี้มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ซึ่งเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงหรือเสื่อมสภาพ เมื่อรับประทานอาหารน้ำย่อยและอาหารในกระเพาะจึงไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก
  2. เกิดจากการบีบตัวของหลอดอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารนานขึ้น
  3. เกิดจากความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหาร เช่น หูรูดกระเพาะอาหารปิดไม่สนิท หรือมีการเลื่อนของหูรูดกระเพาะไปจากส่วนที่ควรจะเป็นกระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลง จนไม่สามารถนำอาหารที่ย่อยแล้วลงสู่ลำไส้ได้หมด อาหารจึงค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน เกิดแรงดันในกระเพาะอาหารจนไปดันให้หูรูดเปิดออก อาหารและน้ำย่อยจึงย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร กรณีนี้มักทำให้มีอาการเรอเปรี้ยว
  4. เกิดจากปัจจัยเสริมอื่น ๆ ที่เป็นตัวกระตุ้น เช่น
  • รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา
  • เร่งรีบในการทานอาหาร
  • เข้านอนหลังรับประทานอาหารทันที
  • ชอบอาหารมัน และอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เผ็ดจัด
  • ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ที่อาจส่งผลให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัวและเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อน
  • ความอ้วน หรือการตั้งครรภ์ เพราะมีความดันในช่องท้องมากกว่าคนทั่วไป จึงมีเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อน

รู้ได้อย่างไร ว่าเป็นกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน เมื่อมีอาการเริ่มแรกบางครั้งอาจพบอาการนี้ไม่ชัดเจน หรือมีอาการใกล้เคียงกับโรคอื่น ๆ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เรอเปรี้ยวและมีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ แล้วลามมาที่บริเวณหน้าอกหรือคอ หากต้องการรู้ว่าเป็นกรดไหลย้อนหรือไม่ ทำได้ 2 วิธี คือ
  1. วินิจฉัยจากแพทย์จากการชักประวัติ และอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก หรืออาจพิจารณาตรวจพิเศษด้านอื่นเพิ่มเติม หากไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดหรืออาการไม่ชัดเจน เช่น การส่องกล้องทางเดินอาหาร การตรวจการเคลื่อนไหวของหลอดอาหาร หรือการตรวจระบบทางเดินอาหาร 
  2. การเช็กอาการของกรดไหลย้อนด้วยตัวเอง เช่น สังเกตอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ มีน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาจนรู้สึกขมที่คอ มีอาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืด เหมือนอาหารไม่ย่อย และเป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงหลังรับประทานอาหาร และอาจมีอาการเสียงแหบในช่วงเช้า หรือแหบเรื้อรัง ซึ่งอาจเกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาทำให้กล่องเสียงอักเสบ
ยาตามแพทย์สั่ง Hand photo created by freepik – www.freepik.com

การรักษา อาการกรดไหลย้อน

  1. เมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าอาการแสดงเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อน เริ่มต้นจะรักษาด้วยการกินยาปรับการหลั่งน้ำย่อยก่อนประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ การรับประทานยาเป็นทั้งการรักษาและวินิจฉัย
  2. กินยาลดกรด ช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะทั้งนี้ต้องกินตามแพทย์สั่งเท่านั้น
  3. รักษาด้วยวิธีผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยเรื้อรังและผู้ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการยา หรือได้รับผลข้างเคียงจากยา

วิธีป้องกันตนเองจากโรคกรดไหลย้อน

  1. ปรับพฤติกรรมการบริโภค หลีกเลี่ยงอาหารมัน และอาหารรสจัด หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินไป 
  2. หลีกเลี่ยงการประทานอาหารแล้วนอนทันที ป้องกันภาวะกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหาร
  3. ควบคุมน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหารและหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  4. หลังจากรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ ควรรอให้อาหารย่อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนทำงานหนักหรือเป็นงานที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ
  5. หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะส่งผลให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากเกินไป จนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อน อาจเป็นภาวะของโรคที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เสียบุคลิกภาพ และขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่เป็นโรคที่อันตรายร้ายแรง แต่หากเป็นแล้วไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ทำให้มีภาวะแทรกซ้อนหรือปล่อยไว้เรื้อรังอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารที่ทำให้ยากต่อการรักษาได้ การดูแลสุขภาพด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบทุกหมวดหมู่ หมั่นออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อน ก็ทำให้เราห่างไกลโรคได้แล้ว สุขภาพดีเริ่มต้นได้จากตัวเราค่ะ
aufarm-logo

เราจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสมุนไพรในราคาย่อมเยา และมีคุณภาพจากโรงงานที่ทันสมัย  ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้

Copyright © 2020 Aufarm / All rights reserved.

เมนูหลัก