โรคหัวใจ ถือเป็นภัยเงียบที่อันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากอาการของโรคหัวใจบางชนิดจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจึงจะแสดงอาการ และจะแสดงอาการรุนแรงมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนหรือประมาณอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ลิ้นหัวใจรั่ว คือหนึ่งในโรคหัวใจที่นี้มีผลกระทบกับคุณภาพชีวิตในทุก ๆ ด้าน ลิ้นหัวใจรั่ว สาเหตุเกิดจากอะไร เป็นแล้วสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันจากบทความต่อไปนี้ครับ
โรคลิ้นหัวใจรั่ว คืออะไร ?
ลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation) เป็นโรคที่เกิดจากลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท ทำให้เลือดที่หัวใจสูบฉีดไหลย้อนกลับ ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างทั่วถึง ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการเหนื่อยง่าย คุณภาพชีวิตลดลงและส่งผลระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ในผู้ป่วยบางรายที่อาการของโรคมีความรุนแรง อาจหัวใจล้มเหลวและทำให้เสียชีวิตได้
สาเหตุของโรคลิ้นหัวใจรั่ว
ปัจจัยหลักของการเกิดโรคลิ้นหัวใจรั่ว สามารถแบ่งออกเป็น 4 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- ความพิการแต่กำเนิด ในกรณีนี้ผู้ป่วยจะมีอาการมาตั้งแต่แรกคลอด เช่น ภาวะลิ้นหัวใจตีบ จนส่งผลให้หัวใจทำงานผิดปกติ
- เกิดจากโรคลิ้นหัวใจรูมาติก โรคนี้มาจากเชื้อโรคสเตรปโตคอคคัส ที่เข้าไปทำลายลิ้นหัวใจจนเสียหายและจะแสดงอาการ 5-10 ปีหลังจากการเป็นไข้รูมาติก ซึ่งเป็นสาแหตุของอาการลิ้นหัวใจรั่วที่พบมากที่สุด
- เกิดจากลิ้นหัวใจเสื่อมสภาพ เนื่องมาจากอายุที่มากขึ้นทำให้ร่างกายมีความเสื่อม ส่งผลทำให้อวัยวะต่าง ๆรวมทั้งลิ้นหัวใจเสื่อมสภาพตามมาด้วย
- เกิดจากลิ้นหัวใจติดเชื้อในกระแสเลือด อาการหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน หรือการใช้ยาบางชนิดก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วได้เช่นกัน
- เกิดจากกรรมพันธุ์ หากพบว่ามีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ก็มักส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้สูง
อาการของโรคลิ้นหัวใจรั่ว
- มีอาการเหนื่อยง่าย ในระยะแรก ๆ อาจยังไม่รุนแรงมากนัก แต่มักแสดงอาการขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ออกกำลังกายหรือทำงานหนักที่ต้องใช้แรงมาก ๆ เนื่องจากเลือดเกิดการคั่งอยู่ในปอด
- ไอ มีเสมหะ เวียนศีรษะ เป็นลม มีปัญหาในการนอนหลับ เนื่องจากหายใจไม่สะดวก
- มักมีอาการเจ็บหน้าอก รวมทั้งหัวใจเต้นผิดปกติ
- มีอาการบวมที่เท้าและขา ท้องมาน ซึ่งเกิดจากการบวมน้ำ ในบางรายอาจพบปัสสาวะบ่อยในเวลากลางคืน
การวินิจฉัยโรคลิ้นหัวใจรั่ว
- แพทย์จะทำการตรวจด้วยเครื่องคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram) เป็นการส่งคลื่นเสียงความถี่สูง สะท้อนภาพของหัวใจ ที่สามารถเห็นความผิดปกติและความรุนแรงของลิ้นหัวใจรั่วได้
- ทดสอบสมรรถภาพของหัวใจด้วยการให้ผู้ป่วยออกกำลังกายด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อทดสอบการทำงานของหัวใจว่าทำได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ด้วยการใช้เครื่องมือที่บริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นการตรวจเพื่อบันทึกการทำงานของกระแสไฟฟ้าในหัวใจ เพื่อดูขนาดของหัวใจว่าโตผิดปกติหรือไม่
- ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก เป็นการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กและวิทยุ วิธีนี้แพทย์จะเห็นภาพรายละเอียดของหัวใจ ว่าทำงานผิดปกติอย่างไร
- การเอกซเรย์ดูหลอดเลือดหัวใจ ด้วยวิธีการสอดท่อและฉีดสารทึบแสงผ่านทางข้อพับและขาหนีบ จากนั้นก็จะเอกซเรย์ วิธีนี้เป็นการดูการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ
- เอกซเรย์ทรวงอก เพื่อดูว่ามีภาวะหัวใจโตหรือไม่ เพื่อหาความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นโรคหัวใจหรือโรคเกี่ยวกับปอด
การรักษาโรคลิ้นหัวใจ
- กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงมากนัก แพทย์จะใช้ยาในการรักษา เช่น ยาขับปัสสาวะเพื่อช่วยขับของเหลวออกมา ช่วยลดอาการเหนื่อยและอาการบวม หรือยาปรับสภาพของหัวใจ เพื่อช่วยไม่ให้หัวใจโต ช่วยควบคุมความดัน และยาต้านการแข็งตัวของเลือด เพื่อช่วยให้การทำงานของหัวใจทำได้ดีขึ้น
- ผู้ป่วยในรายที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ดังนี้
- การผ่าตัดรักษาอาการลิ้นหัวใจรั่ว ด้วยการใช้ลิ้นหัวใจเทียมทดแทนลิ้นหัวใจเดิม เป็นลิ้นที่ทำจากโลหะหรือเยื่อหุ้มหัวใจหมู และต้องทานยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดอย่างต่อเนื่อง วิธีนี้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ 10-15 ปี แต่ไม่สามารถมีบุตรหรือตั้งครรภ์ได้
- ผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ เป็นการผ่าตัดเพื่อตกแต่งส่วนที่ผิดปกติหรือการลอกหินปูนที่จับออกและใช้เยื่อหุ้มหัวใจของผู้ป่วยเองมาซ่อมแซม วิธีนี้มีข้อดีคือร่างกายผู้ป่วยก็จะไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน อีกทั้งหัวใจจะแข็งแรงเทียบเท่าคนปกติ โดยไม่ต้องทานยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด และการประเมินผลการรักษาของแพทย์ยังสามารถประเมินได้อย่างแม่นยำ เกิดแผลผ่าตัดเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยไม่เจ็บตัวมาก ฟื้นตัวได้เร็ว
การดูแลตนเองของผู้ป่วยลิ้นหัวใจรั่ว
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันสูง อาหารรสจัด อาหารหวานจัด เพื่อลดการทำงานของหัวใจ
- ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเหมาะสมและควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้หัวใจแข็งแรงขึ้น
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ความดันสูง ไขมันสูง
- ควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ เพื่อไม่ให้หัวใจทำงานหนักจนเกินไป
- ผู้ป่วยลิ้นหัวใจรั่ว ไม่ควรสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจทำงานหนักที่อาจทำให้อาการของโรคมีความรุนแรงมากขึ้น
- ทานยาและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การควบคุม การติดตามและการประเมินผลของโรคทำได้ดียิ่งขึ้น
หากเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วแล้วไม่ได้เข้ารับการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้เช่น หัวใจเต้นผิดปกติหรือเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้เกิดเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง เกิดการติดเชื้อที่หัวใจ หรือทำให้เกิดความดันในปอด จนนำไปสู่ภาวะหัวใจวายจนเสียชีวิตได้ แต่ถ้าเข้ารับการรักษาทันทีไม่ทิ้งไว้นานจนเกินไป โรคนี้ก็ยังสามารถรักษาจนผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เช่นเดิม
-
฿990.00
฿2,770.00Cordy Plus (60 แคป) แถมเห็ดหลินจือแดงสกัด
฿990.00฿2,770.00 -
฿790.00
฿1,380.00เห็ดหลินจือแดงสกัด (250 มก.) 1 กล่อง แถมชาเห็ดหลินจือ 1 กล่อง
฿790.00฿1,380.00 -